Baannoorg Exhibition review: SILPA BHIRASRI CREATIVITY GRANTS 22 EP#3

เรียบเรียงโดย จิระเดช มีมาลัย

โครงการที่สนับสนุนทุนสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ โดยศิลปินแต่ละท่านนำเสนอหัวข้อเข้ามาเพื่อให้คณะกรรมการคัดเลือก การคัดสรรศิลปินในปีนี้คณะกรรมการได้มุ่งความสนใจต่อผลงานที่มีกระบวนการคิดและวิจัยเชิงปฏิบัติการทางศิลปะ(process and research base art )เป็นสำคัญ

Baannoorg Exhibition review: EP#3 ทุนสร้างสรรค์ศิลปกรรม ศิลป์ พีระศรี ครั้งที่ 22 EP#3 นี้เรามาทำความเข้าใจรูปแบบ แนวทางการสร้างสรรค์ผลงานของ อติ กองสุข ถึงรายละเอียดแนวคิดในผลงานของเขา

อติ กองสุข เป็นประติมากรโดยเนื้อแท้ เขาสร้างผลงานประติมากรรมขนาดใหญ่ในรูปอนุสาวรีย์ของบูรพกษัตริย์ไทยหลายพระองค์ โดยมีตำแหน่งประติมากรชำนาญการ สังกัดกลุ่มงานประติมากรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร

ในโครงการสร้างสรรค์ศิลปกรรม ศิลป์  พีระศรี ครั้งที่ 22 ศิลปินได้นำเสนอผลงานที่ชื่อ Memory and Forgetting เป็นผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยวัสดุเศษซากเหลือใช้จากการสร้างอนุสาวรีย์ และปูนปลาสเตอร์ที่หล่อขึ้นจากเศษเสี้ยวเหลือทิ้งจากอนุสาวรีย์ เป็นโครงการที่น่าสนใจซึ่งนำเสนอสิ่งที่หล่นหายไประหว่างศิลปินปฏิบัติหน้าที่ และมีนัยสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องแทบจะเป็นเนื้อเดียวกับชีวิตประจำวันของศิลปิน ซึ่งปฏิบัติงานในฐานะลูกจ้างของรัฐด้วยตำแหน่งประติมากรชำนาญการอีกด้วย 

แน่นอนว่าหน้าที่ของศิลปินในฐานะงานหลัก คือการสร้างอนุสาวรีย์ต่างๆ ตามนโยบายของภาครัฐซึ่งเราพบเห็นติดตั้งอยู่ทั่วไป ภาครัฐดำริสร้างอนุสาวรีย์ขึ้นมาย่อมมีความต้องการที่จะบรรลุเป้าหมาย โดยการฝังแฝงความหมาย หน้าที่ และบทบาทที่สำคัญต่อรัฐ และชาติในอุดมคติอยู่ในตัวมันเสมอ เพื่อต้องการสื่อสารให้ผู้พบเห็นรับรู้ได้ถึงพลังอำนาจ บารมี ชนชั้น ความสูงส่ง หรือแม้แต่คติอุดมการณ์ความรักชาติและการบูชาเทอดทูนบูรพกษัตริย์ในอดีตที่ผ่านมา

ตามที่กล่าวมาข้างต้น ศิลปินอาศัยแบบแผนปฏิบัติที่ตนเองลงมือในการผลิตสร้างอนุสาวรีย์ ด้วยเหตุนี้ศิลปินจึงเป็นผู้ที่ใกล้ชิดหรือกล่าวได้ว่าอยู่ในกระบวนการผลิตสร้างรูปสัญลักษณ์เหล่านั้นตั้งแต่ต้นน้ำไปจนจรดปลายน้ำ ตั้งแต่กระบวนการขึ้นโครงเหล็กและไม้ครอส (ชิ้นไม้ที่ผูกเป็นรูปกากบาทติดยึดกับโครงเหล็ก) ซึ่งเป็นส่วนที่มองไม่เห็น เป็นแกนภายในเพื่อให้การปั่นหรือขึ้นดินมีที่ยึดเกาะ ต่อมาเป็นขั้นตอนที่สำคัญคือการปั่นดินขึ้นรูปเป็นหุ่นตามแบบอนุสาวรีย์ที่กำหนดไว้ จากนั้นก็จะเป็นการทำพิมพ์ปูนครอบลงไปบนตัวรูปปั่นอนุสาวรีย์อีกชั้น เพื่อเป็นแม่พิมพ์ในขั้นตอนต่อไป ต่อมาก็จะเป็นขั้นตอนของการแกะแม่พิมพ์ปูนออกทำให้ได้รูปภายในของแม่พิมพ์ซึ่งเป็นพื้นที่ว่างเปล่าหรือเป็นรูป negative form สำหรับใช้หล่อปูนกลับเข้าไปให้เกิดเป็นรูปทรงปริมาตร(positive form) หรือรูปปั่นอนุสาวรีย์ในขั้นตอนสุดท้ายอีกครั้ง ก่อนที่จะนำไปสู่กระบวนการในการหล่อเป็นโลหะสำริด 

Memory and Forgetting ผลงานสื่อผสม โดยอติ กองสุข ที่มาภาพ: นิทรรศการฯ

ระหว่างทำการแกะแม่พิมพ์ปูนออกนั้นสิ่งที่ถูกขุดทิ้งไป คือรูปปั่นอนุสาวรีย์ต้นแบบที่เป็นดิน และดินนั้นก็จะถูกเก็บกลับไปที่ถังแช่ดิน เพื่อนำกลับไปเวียนใช้ใหม่ในงานอื่นๆ ต่อไป ในขั้นตอนนี้จะเห็นได้ว่าต้นแบบอนุสาวรีย์ที่ประติมากรปั่นขึ้นด้วยดินนั้นเป็นสิ่งที่ไม่คงสภาพแปรเปลี่ยนไปตามเป้าหมาย ในที่นี้คืออนุสาวรีย์ที่รัฐต้องการสร้าง หมายความว่าดินบ่อเดียวกันสามารถสร้างความเชื่อ ความศรัทธาและความเคารพที่แตกต่างกันได้ ขึ้นอยู่กับว่าอนุสาวรีย์นั้นคือพระบรมฉายาลักษณ์ของพระกษัตริย์องค์ใด และมีรูปลักษณะอย่างไรในท่วงท่าการแสดงออกของตัวแบบประติมากรรมอนุสาวรีย์นั้น ๆ

ภาพบรรยากาศหอประติมากรรมต้นแบบ ที่มาภาพ: https://2pos.world/164354/25890

ในผลงานครั้งนี้ศิลปินได้กลับเข้าไปสำรวจ และทำความเข้าใจกับพื้นที่ที่หายไประหว่างปฏิบัติงานตามหน้าที่ และมุ่งให้ความสนใจไปที่วัสดุที่ถูกหลงลืมในขั้นตอนของการสร้างอนุสาวรีย์ บางสิ่งที่ดำรงอยู่ระหว่างนั้นคืออะไรและมีความหมายอย่างไร ในประเด็นนี้หากเราใช้แว่นขยายของ ชีลส์ เดอเลิซ (Gilles Deleuze) ในเรื่องที่เกี่ยวกับการกำลังจะเกิดหรือการกลายสู่ (becoming) ก็จะพบสภาวะการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง (movement) ในสิ่งที่อยู่ระหว่างกลาง(in-between) ซึ่งเป็นพื้นที่ของความเชื่อมต่อ (connections)    ที่เรียกว่า “ส่วนเสี้ยว” เศษหรือส่วนเสี้ยวที่เกิดจากการแตกออกเป็นส่วนย่อย จากขั้นตอนการสร้างอนุสาวรีย์นั้นก็คือ สภาวะที่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นที่แตกต่างไปจากระบบการจัดประเภทตามหลักวิชาการในการสร้างสรรค์แบบตะวันตก ซึ่งดำรงอยู่ในขั้นตอนการสร้างอนุสาวรีย์ โดยศิลปินพยายามหนีห่างไปจากสิ่งที่เคยดำรงอยู่ ไปสู่สิ่งอื่นที่สังคมยังรับรู้ไม่ได้ และเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อสลายเอกลักษณ์ หรือการสลายเพื่อสั่นคลอนสามัญสำนึกในเรื่องเอกลักษณ์ หรือตัวตนที่มั่นคงตายตัวในอนุสาวรีย์นั้นเอง

หากนำทัศนะของเดอเลิซมาวิเคราะห์ “ภาพใหญ่”  ของการผลิตสร้างอนุสาวรีย์จะพบว่ามันคือผลลัพธ์เชิงอำนาจและการครอบงำของพลังต่างๆ    ที่ตกผลึกเป็นมาตรฐานหรือกฎระเบียบในสังคม ดังนั้นภาพของอนุสาวรีย์จึงไม่ใช่เรื่องของการเป็นตัวแทนอย่างที่มักจะเข้าใจกัน เดอเลิซมองว่าสิ่งนี้ไม่ได้เป็นตัวแทนของใครหรืออะไรทั้งสิ้น ดังนั้นภาพอนุสาวรีย์จึงถูกสร้างขึ้นจากกลไกของอำนาจ และกลไกอำนาจของอนุสาวรีย์ก็คือลักษณะแบบฉบับต่างๆ ที่สังคมสร้างขึ้นมา ในทางกลับกัน ส่วนเสี้ยวเศษย่อยจากการผลิตสร้างอนุสาวรีย์คือการกำลังจะเกิดหรือการกลายสู่ ซึ่งหมายถึงความเป็นไปได้ใหม่ ๆ เนื่องจากเราทุกคนมีโอกาสที่จะเบี่ยงเบนไปจากมาตรฐานหลักได้เสมอ  

ณ จุดนี้ศิลปินมีความพยายามกระทำการต่อต้านขัดขืนต่อตัวแบบที่คงที่ตายตัวของอนุสาวรีย์ หรือการต่อต้านขัดขืนความคิดที่นำไปสู่การสร้างมาตรฐานหลัก และการรับรู้ร่วมของคนในสังคมซึ่งแสดงผ่านภาษาในเชิงทัศน์ศิลป์ ของการเป็นตัวแทนต้นแบบคงที่อันแน่นอนตายตัว การเมืองของการเป็น-ส่วนเสี้ยวเช่นนี้จึงเป็นการต่อต้านขัดขืนอำนาจ ซึ่งเดอเลิซเรียกมันว่า “ตัวตนที่ปราศจากรูป” (a body without organs) ซึ่งพร้อมจะเชื่อมต่อและเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เป็นการเชื่อมต่อที่นำไปสู่การสลายเส้นแบ่งต่างๆ ที่ดำรงอยู่พร้อมกับนำไปสู่การลากเส้นแบ่งใหม่อยู่ตลอดเวลา

Memory and Forgetting ผลงานสื่อผสม โดยอติ กองสุข ที่มาภาพ: นิทรรศการฯ

แน่นอนว่าการสร้างอนุสาวรีย์มีรากฐาน ซึ่งวางอยู่บนสุนทรียศาสตร์ ขณะเดียวกันสุนทรียศาสตร์ในความหมายของ ฌาคส์ ร็องซีแยร์ (Jacques Ranciere) นั้นมีนัยทางการเมืองด้วย การผลักดันให้สิ่งที่ถูกเก็บกดปิดกั้นหรือการนำเศษเสี้ยวที่ถูกทิ้งไประหว่างการรับรู้กระแสหลักกลับมาพิจารณา เป็นการเปิดเผยเนื้อแท้ของวัสดุและเน้นย้ำความหมายที่หล่นหายไประหว่างทาง ซึ่งเป็นเป้าหมายหรือภาพใหญ่ของกระบวนการสร้างอนุสาวรีย์ ให้กลับมามีพื้นที่หรือการปรากฏแสดงอีกครั้ง ร็องซีแยร์ เรียกมันว่าการส่งเสียงของวัสดุธรรมดาสามัญ ดังนั้นสุนทรียศาสตร์ของการเมืองในที่นี้จึงหมายถึง การสร้างรูปแบบใหม่ในการปรากฏตัวของเศษเสี้ยวส่วนย่อยจากกระบวนการสร้างอนุสาวรีย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ศิลปินคัดสรรมาเพื่อสร้างให้เกิดการรับรู้ใหม่ 

กระบวนการในการคัดสรรที่ศิลปินจับมาเชื่อมโยงกันนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ เศษชิ้นส่วนย่อยของดินที่ถูกรื้อหรือขุดออกจากแม่พิมพ์ ซึ่งกำลังกลายสู่การแปรสภาพ ส่งผลให้เกิดช่องว่างภายในแม่พิมพ์เพื่อการหล่อปูนกลับเข้าไปภายในช่องว่างนั้นเพื่อให้เกิดการคงรูป อันเป็นวิธีหนึ่งในการหยุดเวลาแช่แข็งสิ่งที่กำลังเปลี่ยนแปลง และถูกลืมให้กลายเป็นเรื่องเล่าความทรงจำของอดีตในฐานะประวัติศาสตร์กระแสหลัก ให้รับรู้ได้ผ่านผลงานประติมากรรมอนุสาวรีย์นั้น ๆ  ส่วนที่สองเกี่ยวข้องกับชุดแผ่นไม้กระดานที่ใช้ในการควบคุมขนาดสัดส่วน ตัวเลขที่ใช้ในการขยายสัดส่วนอนุสาวรีย์ที่มีขนาดใหญ่ หรือในที่นี้หมายถึงแม่แบบไม้ที่ตัดเจาะเป็นชุด ๆ เพื่อใช้สำหรับเป็นกรอบวัดระยะขนาดและสัดส่วนชิ้นต่าง ๆ ของอนุสาวรีย์ ศิลปินได้นำแผ่นไม้เหล่านั้นกลับมาเพื่อควบคุมเศษดินให้อยู่ในรูปทรงบาศก์ เป็นการจัดการกับเศษเสี้ยวที่กระจัดกระจายไร้ระเบียบ ให้กลับเป็นรูปทรงที่แน่นอนตายตัว เสมือนเป็นเบ้าหลอมแห่งอุดมการณ์ในอดีต และส่วนสุดท้ายคือส่วนที่เป็นต้นทางของประติมากรรม แต่ไม่ถูกนับว่าเป็นประติมากรรม ศิลปินจงใจนำสิ่งที่ถูกคัดออกหรือในเชิงอุปลักษณ์คือการนำเสียงที่ไม่ได้ยิน มาตั้งคำถามถึงความเป็นอื่น (the other)  ร่องรอย (trace) และการแทนที่ (displacement) ในฐานะประติมากรรม ไม่ว่าจะเป็นเศษดิน ชิ้นส่วนแม่พิมพ์ แผ่นไม้แบบและเศษปูนปลาสเตอร์จากแม่พิมพ์ที่ถูกทุบทิ้ง พื้นที่ว่างภายในของอนุสาวรีย์อันว่างเปล่า และเศษส่วนของต้นแบบอนุสาวรีย์ที่แตกกระจาย

Memory and Forgetting ผลงานสื่อผสม โดยอติ กองสุข ที่มาภาพ: นิทรรศการฯ

แนวคิดเรื่องการกลายสู่(becoming) ตามทัศนะของเดอเลิซ ได้ทำให้เรามองกระบวนวิธีในการขุดออก และรื้อสร้างความคิดใหม่ในมิติของประติมากรรมได้อย่างมีนัยสำคัญ ความน่าสนใจในประเด็นนี้จึงอยู่ที่การกลายสภาพของวัตถุธาตุที่กระจัดกระจาย และเกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตสร้างอนุสาวรีย์ซึ่งกลับกลายเป็นประติมากรรมอีกครั้ง ด้วยวิธีนำเสนอผลงานในลักษณะประติมากรรมติดตั้งในพื้นที่(sculpture installation) เพื่อให้พื้นที่จัดแสดงเป็นตัวประกอบสร้างให้เกิดการตีความใหม่ เกิดการเปรียบเปรยและตั้งคำถามระหว่างเรื่องราวทางประวัติศาสตร์กระแสหลัก กับสิ่งธรรมดาสามัญที่ถูกมองข้าม และคำถามปลายเปิดที่ว่าอะไรคือความแตกต่าง อะไรไม่ถูกนับว่าเป็น และอะไรที่ทำให้สิ่งที่ถูกมองข้ามเหล่านี้กลายไปสู่ และที่สำคัญศิลปินได้ตั้งคำถามที่แหลมคมต่อบทบาทของตนในฐานะผู้สร้างอนุสาวรีย์ว่า “อะไรกันแน่คือสิ่งที่ควรจดจำและอะไรคือสิ่งที่ควรถูกลืม”

อ่านต่อ Baannoorg Exhibition review: SILPA BHIRASRI CREATIVITY GRANTS 22 EP#4

Tags: No tags

Comments are closed.